User talk:สุขพินทุ/text©

Page contents not supported in other languages.
From Wikipedia, the free encyclopedia

text©เรื่องพระยาศรีภูมิปรีชา[edit]

พระยาศรีภูมิปรีชา (กมล สาลักษณ์) เป็นบุตรพระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก)[1] มารดาชื่อคุณหญิง อิ่ม เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2404

ประวัติ[edit]

เนื่องจากพระยาศรีสุนทรโวหารมีงานราชการมาก ไม่มีเวลาว่าง ชีวิตในวัยเด็กของพระยาศรีภูมิปรีชาส่วนใหญ่จึงใกล้ชิดมารดา เริ่มเรียนหนังสือกับมารดา เมื่ออายุได้ 5 ขวบกว่า พระยาศรีสุนทรโวหารได้พาขึ้นเฝ้าอ่านหนังสือถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงได้รับทองคำแท่งเป็นรางวัล การศึกษาชั้นต้นของพระยาศรีภูมิปรีชาเป็นการเรียนด้วยตนเอง และออกแสวงหาแหล่งเล่าเรียน โดยเรียนที่วัดเชตุพน ณ สำนักพระมงคลเทพมุนี (เที่ยง) บ้าง สำนักพระครูสมุหคณิสร (โต) บ้าง ทั้งสำนักหมอยอน ฮัสเสต ซันดเลอร์ มิชชันนารีอเมริกันซึ่งสอนภาษาอังกฤษ ที่ท่าเตียนบ้าง และบางครั้งที่มีโอกาสเข้าไปในพระบรมมหาราชวังกับบิดา ก็ไปเรียนจากข้าราชการในกรมอาลักษณ์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ พระยาศรีสุนทรโวหารจึงนำตัวมาขึ้นถวายเป็นมหาดเล็กวิเศษ รับราชการอยู่เวรศักดิ์ รับพระราชทานเบี้ยหวัด 12 บาท จนถึงปี พ.ศ. 2418 พระยาศรีสุนทรโวหารถึงอนิจกรรม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ความอนุเคราะห์พระยาศรีภูมิปรีชาให้เข้าเรียนในโรงเรียนหลวง ซึ่งได้โปรดเกล้าให้จัดตั้งขึ้นในพระบรมมหาราชวัง[2] ขณะนั้นพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นอาจารย์ใหญ่ นับเป็นครั้งแรกของการเริ่มต้นการศึกษาอย่างจริงจัง

การปฏิบัติงาน[edit]

พ.ศ. 2425 เมื่อมหาดเล็กวิเศษ กมล จบจากโรงเรียนหลวงได้เข้ารับราชการ ในกรมราชเลขาธิการ ซึ่งในเวลานั้นเรียกว่าออฟฟิศหลวง รับเงินเดือนขั้นต้น 16 บาท ในปีเดียวกันได้กราบถวายบังคมลาบวช ณ วัดราชประดิษฐ์ มีสมเด็จพระสังฆราช (สา) เป็นองค์อุปัชฌาย์ และพระวรวงศ์และพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร วัดราชบพิธ เป็นกรรมวาจาจารย์ ครบพรรษาแล้วจึงลาสิกขาบทกลับเข้าไปรับราชการในกรมราชเลขาธิการในตำแหน่งเดิม พ.ศ. 2428 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายจำนง ราชกิจหุ้มแพรวิเศษ ในกรมพระอาลักษณ์ ได้รับเงินเดือน 60 บาท พ.ศ. 2433 เป็นหลวงจำนงนริศร ได้เงินเดือน 100 บาท และ 120 ในปีถัดมา พ.ศ. 2435 เป็นเลขานุการองคมนตรีสภา และเป็นพระยาศรีสุนทรโวหารตำแหน่งเจ้ากรมอาลักษณ์ที่บิดาเคยเป็น พ.ศ.2437 เป็นเลขานุการรัฐมนตรีสภา

ความสามรถพิเศษของพระยาศรีภูมิปรีชา คือมีความจำดีเยี่ยม สามารถจดจำคำพูดถ่ายทอดออกมาเป็นรายงานได้ละเอียดมาก จึงได้รับแต่งตั้งเป้นเลขานุการรัฐมนตรีจดรายงานการประชุมและรับหน้าที่เข้าไปจดรายงานการประชุมเสนาบดีหน้าพระที่นั่งเป็นประจำ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปและสมเด็จพระศรีพชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น พระยาศรีภูิปรีชาก็รับหน้าที่เป็นผู้จดรายงานในเวลาที่ทรงเสด็จออกประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2442 รับตำแหน่งปลัดทูลฉลองให้เจ้าพระยาเทเวศรวงวิวัฒน์ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการอีกตำแหน่งหนึ่ง อยู่ในหน้าที่นี้ 3 ปี จึงได้ลาออก พ.ศ. 2455 ได้เป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงมุรธาธร แล้วย้ายไปเป็นผู้ช่วยราชเลขาธิการ พ.ศ. 2457 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาศรีภูมิปรีชาตำแหน่งพระสมุหพระอาลักษณ์ รับเงินเดือน 1350 บาท

เมื่ออยู่ในตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ พระยาศรีภูมิปรีชาได้สร้างผลงานอันมีประโยชน์ต่อแผ่นดินไว้อย่างมากมาย อาทิ ร่างประกาศพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา แล้งพระนามเจ้าต่างกรมถวาย ส่วนตำแหน่งหน้าที่ราชการอื่น ๆ ที่ได้ปฏิบัติขณะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพระอาลักษณ์มีเลขานุการกรรมการองคมนตรี เลขานุการกรรมการจัดการสร้างพระบรมรูปทรงม้า เลขานุการกรรมการจัดการสมโภชราชสมบัติครบ 41 ปีและเลขาธิการราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามฯ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ[edit]


  • พานทอง, เต้าน้ำทอง, กระโถนทอง
  • ราชอิสริยาภรณ์รัตนาภรณ์, ราชอิสริยาภรณ์วชิรมาลา

  • เหรียญดุษฎีมาลา
  • เข็มศิลปวิทยา
  • เหรียญราชินี
  • เหรียญราชรุจิ ชั้นกาไหล่ทอง
  • เหรียญจักรพรรดิมาลา
  • เข็มชนมายุสมมงคลทอง
  • เข็มพระราชชนนี ชั้นที่ 2
  • เข็มไอยราพต ฯลฯ
สิ่งของพระราชทาน[edit]
  • เสมาทองคำ
  • อักษรพระบรมนามาภิไธย
  • แหนบลายนาฬิกาพกอักษรพระบรมนามาภิไธย
  • แหนบลายนาฬิกาพกรูปสุกรชชั้นที่ 2
  • จี้เพชรพระบรมนามาภิไธย ส.ผ.

พระยาศรีภูมิปรีชา[3] นอกจากจะเป็นผู้มีความสามารในกิจการหน้าที่ราชแผ่นดินที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติในความรับผิดชอบของท่านเองแล้ว พระยาศรีภูมิปรีชายังเป็นผู้มีความสามารถในทางงานนิพนธ์อีกด้วย งานเขียนของพระยาศรีภูิปรีชา มี

  1. ตำนานกองทัพเรือกรุงสยาม
  2. บทละครดึกดำบรรพ์เรื่องสิทธิธนู
  3. คำเจรจาโขนหลวง ชุดสุครีพถอนพระยารัง[4]
  4. คำเจรจาโขนหลวง ชุดถวายลิง[4]
  5. โคลงสุภาษิตเบ็ดเตล็ด

โดยนิสัยส่วนตัวพระยาศรีภูมิปรีชาแล้ว พระยาศรีภูมิปรีชา เป็นผู้ที่มีอารมณ์เย็น พูดน้อยสุภาพเป็นคนจริง จึงมีความอุตสาหขยันขันแข็งในการปฏิบัติหน้าที่การงานมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังเป็นคนสันโดษ ไม่มีนิสัยทะเยอทะยาน ดำรงชีวิตอย่างเรียบ ๆ มาอย่างสม่ำเสมอ

การเสียชีวิต[edit]

ปี พ.ศ. 2460 พระยาศรีภูมิปรีชาป่วยเป็นวัณโรค ถึงแก่กรรม สิริรวมอายุได้ 56 ปีเศษ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศแปดเหลี่ยมสวมศพ ตั้งบนแว่นฟ้า 2 ชั้น ตั้งฉัตรเบญจา 4 คัน กองชนะเขียว 10 จ่าปี่ 1 ประโคมประวจำศพ กับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมมีกำหนด 3 วัน เป็นเกียรติยศในความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อชาติ และพระมหากษัตริย์ของพระยาศรีภูมิปรีชามีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเป็นปรากฏ ดังจะเห็นได้จากลายพระหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชทานถึง (สำเนาราชหัตถเลขา)[3]



  1. ^ เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  2. ^ เดิมอยู่ที่ตึกหลังศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่โรงละครหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
  3. ^ a b ประวัติพระยาศรีภูมิปรีชา จากหนังสือ บทละครดึกดำบรรพ์เรื่องสิทธิธนู
  4. ^ a b เรื่องนี้ได้เคยเล่นถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว